เราใช้คุกกี้ Google Analytics เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยรวบรวมและรายงานข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ คุกกี้ดังกล่าวจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลโดยตรง
ปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่กดดัน SET Index ยังไม่มีผลต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนอย่างมีนัยสำคัญ การปรับลดลงของราคาหุ้นจึงทำให้ค่า PER ลดต่ำลง ถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว เลือกหุ้นปันผลอย่าง EASTW และ SAT ส่วนการ Trading ยังมีความเสี่ยงสูง
[Market Outlook]
SAT เด่นภายใต้สงความการค้า ส่วน LH เด่นที่ปันผล
[อ่านต่อ]
คาด SET Index ยังถูกกดดันจาก Sentiment เชิงลบจากปัจจัยภายนอก และการไหลออกของ Fund Flow ทำให้ต้องผันผวนในพื้นที่ต่ำกว่า 1700 จุดต่อไปอีกระยะ ตัวเลือกสัปดาห์นี้ได้แก่ SAT (FV@B29) ที่เด่นภายใต้สงครามการค้า และ LH (FV@B 13.40) ซึ่ง Dividend Yield เด่น
สัปดาห์นี้คาดว่าจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางปัจจัยพื้นฐาน แต่การที่นักลงทุนสถาบันฯ และ ต่างชาติกลับมาขายทำกำไร คาดทำให้ SET Index ปรับฐาน เลือกหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแรง แต่ราคาปรับลงแรง ที่โดดเด่นเช่น CPALL (FV@B 80) และ STPI (FV@B 7.45)
[Market Outlook]
การยืนเหนือ PER 16 เท่า จำเป็นต้องอาศัยแรงซื้อต่อเนื่อง
[อ่านต่อ]
SET Index ปรับขึ้นมายืนเหนือ PER 16 เท่าอีกครั้ง ซึ่งการที่จะเดินหน้าปรับขึ้นต่อ ต้องมีแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนจากทั้งสถาบันฯ และต่างชาติ ซึ่งหากแรงซื้อไม่มากพอก็เสี่ยงต่อการปรับฐาน สัปดาห์นี้เลือกหุ้นในกลุ่ม ICT เป็น Top Picks โดย DTAC โดดเด่นสุดตามด้วย ADVANC
การปรับตัวขึ้นมาโดยไม่มีมูลค่าการซื้อขายที่มากพอสนับสนุน การไหลออกของ Fund Flow ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมเริ่มมีน้ำหนักไปทางลบ มีโอกาสที่จะทำให้ SET Index ปรับฐาน ซึ่งภายใต้ภาวะดังกล่าวแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ เลือก LPN, CPF และ AMATA
เลือก Domestic Play ที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล
[อ่านต่อ]
ยังไม่เชื่อว่า SET Index จะยืนอยู่เหนือระดับ 1700 จุดได้อย่างมีเสถียรภาพ จนกว่าจะเห็นแรงหนุนจาก Fund Flow ในส่วนของต่างชาติที่ต่อเนื่อง ส่วนประเด็นสงครามการค้ายังเข้ามากดดัน เลือกหุ้น Domestic Play ที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ได้แก่ KKP และ QH
นักลงทุนสถาบันในประเทศนับเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยสูงที่สุด ในช่วงที่นักลงทุนต่างชาติขายออก ทำให้การเคลื่อนไหวของ SET Index ถูกกำหนดด้วยทิศทางการซื้อขายของสถาบัฯ กลยุทธ์การลงทุน ในช่วงสัปดาห์นี้ยังเน้น Domestic Play ยังเลือก LH และ RATCH
การปรับลดลงของ SET Index จนต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยฯ 200 วัน ทำให้ภาพการเก็งกำไรระยะสั้นมีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่หากมองในเชิงของการลงทุนระยะยาว ถือเป็นโอกาสในการทยอยซื้อหุ้น พื้นฐานดีเพื่อการลงทุน สัปดาห์นี้เลือก BBL (FV@B 220) และ BANPU (FV@B 25.60)
[Market Outlook]
เลือกหุ้นไทย ที่จะไปกับ บอลโลก
[Market Outlook]
เงื่อนไขที่จะทำให้ Fund Flow ไหลออก เริ่มลดลง
[อ่านต่อ]
การไหลออกของ Fund Flow ถือเป็นแรงกดดันที่มีต่อตลาดหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่า เงื่อนไขที่จะทำให้ Fund Flow ไหลออกเริ่มลดลง ซึ่งทำให้ Downside ของ SET Index มีไม่มาก ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ต เลือก AMATA (FV@B 35.70) และ SPALI (FV@B 28.30)
มีความหวังว่าการไหลออกของ Fund Flow จะค่อยๆ ลดลง ขณะที่น่าจะมีแรงหนุนจากการเร่งประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐบาลออกมา แนะนำทยอยสะสมหุ้นที่ระดับ SET Index ต่ำกว่า 1750 จุด สัปดาห์นี้เลือก CK (FV@B 34) และ PLANB (FV@B 7.30)
SET Index 1750 จุด ลงมา เป็นโซนสะสมหุ้นพื้นฐานดี
[อ่านต่อ]
Fund Flow จะเป็นประเด็นสร้างแรงกดดันต่อ SET Index ต่อเนื่อง แต่หากพิจารณาในเชิง Valuation ที่บริเวณ 1750 จุด ให้ค่า PER ที่ 16 เท่า สำหรับการลงทุนระยะยาว บริเวณ 1750 จุด ลงมาควรทยอยซื้อหุ้นสะสม หุ้นเด่นเลือก WHA (FV@B 4.89) และ BGRIM (FV@B 33.50)
[Market Outlook]
ยังไม่เห็นแรงที่จะผลักให้ SET Index ขึ้นไปเหนือ 1800 จุด
[อ่านต่อ]
ยังไม่เห็นประเด็นบวกทางพื้นฐานที่มีน้ำหนักมากพอสำหรับขับเคลื่อนให้ SET Index ปรับขึ้น โดยความสนใจสัปดาห์นี้อยู่ที่การประกาศงบ 1Q61 ซึ่งคาดว่าจะลดลง YoY ในส่วนของ Fund Flow ก็ยังเห็นการไหลออก แนะนำ Selective Buy เลือก QH(FV@B 4.30) และ STEC (FV@B 25)
[Market Outlook]
เงินบาทอ่อน สะท้อนว่า Fund Flow จะยังไม่เข้า
[อ่านต่อ]
Bond Yield 10 ปี สหรัฐสูงกว่าไทย ขณะที่เงินบาทกลับมาอ่อนค่า เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า Fund Flow จะยังไม่ไหลกลับ ซึ่งน่าจะทำให้ SET Index ยังต้องเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1800 จุดต่อไปอีกระยะหนึ่ง สัปดาห์นี้เลือก PYLON ซึ่งกำไร 1Q61 เด่น และ HANA ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า
ทั้งการกีดกันการค้าโลก และการปรับลดประมาณการกำไรกลุ่มธนาคารฯ ยังเป็นกระแสกดดัน แต่ช่วงที่ผ่านมา SET Index ก็ได้ปรับตัวลดลงไปมากกว่าผลกระทบทางปัจจัยพื้นฐาน แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่พื้นฐานดีเข้าพอร์ต เลือก CPF (FV@B 30) และ MAJOR (FV@B 34)
[Market Outlook]
SET Index ปรับลง ... โอกาสสำหรับนักลงทุนตัวจริง
[อ่านต่อ]
แม้หลายปัจจัยกดดันจะยังไม่มีข้อสรุป แต่ผลกระทบในเรื่องการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนไม่ปรากฎให้เห็นอย่างมีนัยสำคัญ การที่ SET Index กลับร่วงลงจนทำให้ค่า PER ลงมาต่ำกว่า 16 เท่า จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนตัวจริงสะสมหุ้น แนะนำ CPF (FV@B 30) และ TVO (FV@B40)
[Market Outlook]
กลับมาเลือกหุ้น Domestic Play และ Dividend Play
[อ่านต่อ]
กระแสเรื่องการกีดกันการค้าระหว่างประเทศ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นปัจจัยที่กีดกันการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยด้วย แต่เชื่อว่าน่าจะมี Downside จำกัด แนะนำให้สลับเข้าหุ้น Domestic Play หุ้นเด่นได้แก่ BCH (FV@B 19.30) และหุ้น Dividend Play เลือก QH (FV@B 4.30)
การปรับลงของ SET Index สัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าเเป็นเพียงการปรับฐาน ไม่ได้เปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนในการปรับพอร์ต โดยการเลือกหุ้นพื้นฐานดีและราคาหุ้นยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเข้าพอร์ต ซึ่งมีตัวเลือกหลากหลาย สัปดาห์นี้เลือก HANA และ STEC
เชื่อว่า SET Index มีความแข็งแกร่งเชิงพื้นฐานระดับหนึ่งทำให้ Downside จำกัด แต่ขณะเดียวกับแรงที่จะผลักให้ขึ้นไปทำ All time high ก็ยังไม่มากพอ คาดอยู่ในกรอบ 1820 – 1850 จุด Selective Buy เลือก SIRI (FV@B 2.44) และ PTTEP (FV@B 137)
SET Index ย่อตัวลงนำโดยหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีค่า PER สูง แต่เชื่อว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง และอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังของตลาดหุ้นที่สูงขึ้น ทำให้ Downside จำกัด เลือกหุ้นพื้นฐานดี PER ต่ำ อย่าง AIT (FV@B 31.50) และ SYNTEC (FV@B 5.50)
สภาพแวดล้อมในเชิงปัจจัยพื้นฐานมีน้ำหนักเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่ยังต่ำ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน หากมี Fund Flow ที่ต่อเนื่องก็จะทำให้ SET Index ปรับขึ้นไม่ยาก สัปดาห์นี้เลือก BBL(FV@B197.50), GUNKUL(FV@B6.60) เป็น Top Picks
GDP Growth 3Q59 ต่ำกว่าคาดนำมาซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ส่งท้ายปี ส่วนแรงขายจากต่างชาติยังมีต่อ แต่ไม่กระทบ SET Index เชื่อว่า Downside จำกัด แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ต เลือก BJC, MINT, UNIQ และ BLA ซึ่งได้ผลดีจากสถานการณ์ปัจจุบัน
[Market Outlook]
SET เป้าหมายปี 2560 อยู่ที่ 1595 1600 จุด
[อ่านต่อ]
ตลาดหุ้นไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น แต่ที่ SET Index บริเวณ 1500 จุด ต้องเริ่มระวัง เพราะขาดแรงหนุนทั้ง Fund Flow และ Valuation การทำกำไรจาก Capital Gain ยากขึ้น แนะนำเลือกหุ้น High Dividend Yield เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ปลอดภัย ASK, MCS และ HANA
แม้ SET Index จะยืนเหนือ 1500 จุดได้ แต่ด้วยน้ำหนักของปัจจัยบวกที่เบาลง ขณะที่ค่า PER สิ้นปี 2559 สูงกว่า 16.64 เท่า ทำให้เชื่อว่า SET Index ยังอยู่ในภาวะที่ขาดเสถียรภาพ แนะนำ Selective Buy เลือกหุ้นต่ำ Fair Value และมี Theme ชัดเจน อย่าง BLA, CK และ WHA
ตราบใดที่ SET Index ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1500 จุด ทำให้ยังมีความเสี่ยงผันผวนและปรับฐานได้ตลอดเวลา แนะนำให้ทยอยปรับพอร์ตหากราคาหุ้นเกิน Fair Value หรือมี Upside จำกัด แต่ แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง เลือก BCH, TFG และ HANA
ประเมินจากค่า Earning Yield Gap ที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย พฤติกรรมการซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ดูไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ทำให้เชื่อว่า SET Index ยังอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่หากย่อลงมาต่ำกว่า 1450 จุด ยังให้ทยอยสะสม เลือก MCS, HANA, BCH และ BA
แรงขายทำกำไรจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ และ นักลงทุนต่างประเทศ แม้จะเบาลง แต่ก็ยังจะทำให้เกิดความผันผวนต่อ SET Index ได้ สภาวะดังกล่าวทำให้การสร้าง Capital Gain ทำได้ยาก เน้นหุ้น High Dividend Yield ที่กำไร 2H59 เด่น MCS (FV@B17.19), ASK (FV@B 27.50)
ระดับ 1450 มีความสำคัญทั้งการเป็นดัชนีเป้าหมายปี 2559 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ และยังเคยเป็นระดับที่สะท้อนความหวังว่า UK จะยังอยู่กับ EU การผ่าน 1450 จุดขึ้นไปจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แนะนำเลือกหุ้น CK จากข่าวการประมูลรถไฟฟ้า และ CPF จากข่าวดีเรื่อง TIP Report
[Market Outlook]
ต่ำกว่า 1400 จุด เก็บหุ้น Domestic Play
[Market Outlook]
ความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ยังมีตัวเลือกที่ดี
[อ่านต่อ] การปรับตัวขึ้นมาราว 30 จุด โดยที่ไม่มีปัจจัยบวกสนับสนุนที่ชัดเจน ทำให้ SET Index อยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงมีตัวเลือกการลงทุนที่ดี โดยนักลงทุนที่ชอบหุ้นปันผลเลือก MCS และ SNC ส่วนที่ชอบ Capital Gain เลือกรับเหมาฯ อย่าง CK และ UNIQ
[Market Outlook]
SET Index อยู่บริเวณ 1400 - 1420 จุด
[อ่านต่อ]
คาด SET Index อยู่ในกรอบ 1400-1420 จุด ภายใต้การลงทุนที่เห็นการเวียนกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น เชื่อว่ามีโอกาสที่กระแสความสนใจจะมาอยู่ในกลุ่มรับเหมาฯ มากขึ้น เลือก CK (FV@B 36), SEAFCO (FV@B 11.75) และหุ้นที่เข้า SET50 อย่าง KCE (FV@B100)
เลือก MAKRO, PLANB
[อ่านต่อ] มุมมองต่อ SET Index เป็นบวกมากขึ้นตามลำดับ หลังราคาสะท้อนภาพชะลอตัวของกำไร 3Q58 ไปแล้ว ส่วนตัวเลือกการลงทุน เน้นหุ้นที่ได้สัญญาณบวกจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว ได้แก่ MAKRO และ PLANB
[Market Outlook]
Downside จำกัด
[อ่านต่อ] ผลประกอบการ 3Q58 ที่ชะลอตัวน่าจะสร้างแรงกดดันต่อ SET Index ได้อีกแต่ Downside น่าจะเหลืออยู่จำกัด แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีปัจจัยบวกหนุน เช่น BJCHI, PLANB และ SYNTEC
[Market Outlook]
สลับเข้าหุ้นกลาง เล็ก
[อ่านต่อ] คาดว่าผลประกอบการ 3Q58 ของกลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่จะชะลอตัวสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้น และ SET Index แนะนำสลับมาลงทุนในหุ้นขนาดกลาง – เล็ก ที่ผลประกอบการโดดเด่น เลือก BJCHI, SYNTEC แล MCS
[Market Outlook]
Hot Money
[อ่านต่อ] SET Index จากต้นเดือน ต.ค. ปรับขึ้นมาราว 5% ซึ่งแรงขับเคลื่อนหลักมาจาก Fund Flow จากนักลงทุนต่าชาติ และพอร์ตโบรกเกอร์ ซึ่งน่าจะไหลเข้ามาในช่วงสั้น เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุน เช่น SYNTEC, SIAM และ MCS
[Market Outlook]
Fund Flow ไหลเข้า
[อ่านต่อ] ราคาน้ำมันโลกฟื้นตัว และเงินบาทที่แข็งค่า หนุน Fund flow และ SET ยืนเหนือ 1,400 จุด แต่ระดับนี้มีความเสี่ยงปรับฐาน กลยุทธ์การลงทุนให้ผสมผสาน หุ้น Domestic กับหุ้น Global โดยให้สะสม SCC, PTTEP
[Market Outlook]
มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ SIRI, พีเอส, SPALI
[อ่านต่อ] คาดสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนเรื่องมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ สร้างกระแสเชิงบวก โดย SIRI และ SPALI เด่น ส่วน SET Index คาดยังอยู่ในกรอบ 1342 – 1385 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายบาง และขาดปัจจัยหนุน
[Market Outlook]
Selective Buy: SIRI, BTS, CK
[อ่านต่อ] SET Index อยู่ในภาวะที่ขาดแรงกระตุ้นทั้งทางด้าน Fund Flow และประเด็นบวกใหม่ๆ ในเชิงพื้นฐานบริเวณ 1,380 จุดขึ้นไป เป็นแนวต้านที่ผ่านได้ยาก Selective Buy กลุ่มที่มีมาตรการรัฐหนุน SIRI, BTS, CK โดดเด่น
ตลาดหุ้นไทยยังแกร่ง
[อ่านต่อ] การปรับฐานในเดือน ส.ค. สะท้อนให้เห็นถึงความแกร่งของตลาดหุ้นไทย แต่ที่ระดับ SET Index 1390 จุด ถือเป็นแนวต้านที่สำคัญ นักลงทุนควรทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ตเมื่อราคาอ่อนตัว INTUCH, CK, SIRI, COM7 เด่น
[Market Outlook]
ASPS Weekly : เป้าหมาย SET Index = 1390 จุด
[อ่านต่อ]
[Market Outlook]
Downside ในทางพื้นฐานจำกัด
[อ่านต่อ] เชื่อว่า SET Index ได้ปรับตัวลดลงสะท้อนภาพเชิงลบในทางพื้นฐานมากพอแล้ว แต่ในเชิงของ Sentiment ก็ยังไม่มีเห็นประเด็นบวกเข้ามาหนุน สิ่งที่พอรอได้ก็น่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจดีต่อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ
[Market Outlook]
หุ้นเล็กน่าจะชนะหุ้นใหญ่
[อ่านต่อ] ความผันผวนของตลาดการเงินหลังการลดค่าเงินหยวน น่าจะทำให้โอกาสที่ Fund Flow จะไหลเข้ามีน้อยลงไปอีก ผลที่เกิดขึ้นก็คือมูลค่าการซื้อขายที่จะเบาบางต่อ ทำให้หุ้น Market Cap เล็ก Outperform หุ้นใหญ่ เลือก SIRI
[Market Outlook]
รถไฟมาแล้ว เก็งกำไรหุ้นรับเหมาฯ
[อ่านต่อ] SET Index ยังอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่เริ่มมองเห็น Downside ที่จำกัด พอร์ตลงทุนระยะยาว สะสมหุ้น High Dividend อย่าง SIRI, HANA ส่วนพอร์ต Trading เก็งกำไรรับเหมาฯ รับการเปิด TOR รถไฟรางคู่ หุ้นเด่นได้แก่ CK ส่วน STPI น่าสนใจในฐานะที่ Valuation ถูกกว่าที่ควรจะเป็น
[Market Outlook]
บริเวณ 1400 จุดสะสมหุ้น High dividend Yield
[อ่านต่อ] หากกำหนดสมมุติฐานต่างๆ อย่าง conservative เช่นการปรับลด EPS ของบริษัทจดทะเบียนลง 4% และ PER ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนที่ 15 เท่า ระดับ 1,378 จุด น่าจะเป็นแนวรับที่ดี แนะนำสะสมหุ้น High Dividend ที่บริเวณ SET Index 1,400 จุด โดย HANA (FV@B 48) โดดเด่น
[Market Outlook]
ยังมี Downside
[อ่านต่อ] ประเมินจากสถานการณ์แวดล้อมที่เป็นอยู่เชื่อว่า SET Index ยังอยู่ในภาวะที่มี Downside พอร์ตการลงทุนระยะยาวเลือกหุ้น High Dividend Yield ที่มี Beta ต่ำ ส่วนระยะสั้น Trading ในกลุ่มรับเหมาฯ ซึ่ง CK โดดเด่น
เลือกรับเหมาฯ เลือก CK
[อ่านต่อ] ปัญหาเรื่อง ICAO และ MERS เป็นแรงกดดันต่อภาพรวม แต่ในอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นตัวเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เข้ามาเร็วขึ้น ให้น้ำหนักไปที่หุ้นกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง โดย CK (FV@B31.25) เป็น Top Pick
ส่งออก HANA / รับเหมาฯ CK
[อ่านต่อ] 2 กระแสที่อาจถูกหยิบขึ้นมาขับเคลื่อนตลาด ได้แก่ทิศทางอัตราดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะลดลงได้อีกกดดันให้เงินบาทอ่อนค่า หนุนการส่งออก ซึ่ง HANA เด่นสุด และกระแสการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการลงทุนภาครัฐ โดย CK โดดเด่น
[Market Outlook]
TVO / INTUCH / TTW/ LPN
[อ่านต่อ] ความเสี่ยงเรื่องประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีอยู่ Valuation ของตลาดที่แพง และ Fund Flow ที่ยังไม่ไหลเข้าทำให้เชื่อว่า SET Index ยังอยู่ในช่วงการปรับฐานต่อ เน้นลงทุนหุ้น High Dividend Yield และ Low Beta
[Market Outlook]
หวัง Dividend Yield มากกว่า Capital Gain
[อ่านต่อ] การปรับลดประมาณการ EPS บริษัทจดทะเบียน ส่งผลทำให้ Upside ของ SET Index เหลือจำกัด การลงทุนจึงคาดหวัง Dividend Yield มากกว่า Capital Gain หุ้นเด่นได้แก่ TVO, ASK, BTS และ VNG ที่มีปัจจัยบวกหนุน
[Market Outlook]
สะสมหุ้นดีที่ SET Index บริเวณ 1,480 จุด
[อ่านต่อ] เชื่อว่า Downside ของ SET Index เหลืออยู่ใม่มาก แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นดีเข้าพอร์ตการลงทุนที่บริเวณ 1480 จุด ซึ่งคาดหวังผลตอบแทน 10.7% ต่อปี เน้นหุ้น Dividend Yield สูง Beta ต่ำอย่าง TVO, ASK, BTS เป็นต้น
[Market Outlook]
เลือกหุ้น High Dividend & Low Beta
[อ่านต่อ] SET Index ยังอยู่ภายใต้แรงความกังวลจากภาวะการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้กลัวว่าเงินลงทุนไหลออก แต่เชื่อว่าที่ระดับ Current PER ต่ำกว่า 17 เท่า หรือ 1493 จุด น่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มความเสี่ยง
หุ้นดีต้องมีในพอร์ต SPALI, MCS
[อ่านต่อ] หลังการปรับลดดอกเบี้ย SET Index จะเข้าสู่ช่วงของการรอคอยปัจจัยใหม่มาขับเคลื่อน เป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ตลือก SPALI (FV@B31.96) และ MCS (FV@B 9.19)
[Market Outlook]
เลือกหุ้น PER ต่ำ ปันผลสูง SPALI, AIT
[อ่านต่อ] SET มีโอกาสฟื้นตัวจากสภาพคล่องที่ยังหนุนเข้ามา กลยุทธ์ยังเน้นหุ้น PER ต่ำ ปันผลสูง Top Picks เลือก SPALI (FV@B31.96) และ AIT (FV@B53)
[Market Outlook]
SPALI / TVO หุ้น High Dividend Yield
[อ่านต่อ] ยังจะเห็นการต่อสู้กันระหว่างแรงกดดันจากค่า Current PER ที่สูงของตลาดหุ้นไทย กับความคาดหวังเชิงบวกเรื่องสภาพคล่องที่ควรไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น ทำให้ SET Index ผันผวนบริเวณ 1600 +/- 20 จุด เน้นหุ้น High Dividend Yield เช่น SPALI (FV@B 31.96) และ TVO (FV@B 30)
[Market Outlook]
ซื้อหุ้น High Dividend Yield
[อ่านต่อ] เป็นไปได้ที่กำไรสุทธิงวด 4Q57 จะออกมาต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งปรากฎสัญญาณบ่งชี้มาจากกลุ่มธนาคาร, พลังงาน และ ปิโตรฯ ที่มียอดรวมของกำไรติดลบ ภาวะดังกล่าวจะทำให้ค่า Current PER สูงขึ้น แนะนำเลือกหุ้น High Dividend Yield โดย SPALI (FV@B 31.96) และ KTB (FV@B 29)
[Market Outlook]
ดอกเบี้ยลง .. หุ้นขึ้น
[อ่านต่อ] การฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาด และเงินเฟ้อที่ติดลบ คาดว่าจะกดดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ซึ่งเป็นผลดีต่อ SET Index เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ย SENA (FV@B 4.50) และ ASK (FV@B 24.90)
AIT และ BTS เด่น
[อ่านต่อ] ทั้ง Valuation ที่สูง และการขาดปัจจัยบวกหนุน ทำให้คาดว่า SET Index ยังปรับฐานต่อ แนะนำปรับพอร์ตลดหุ้นเก็งกำไร และใส่หุ้นพื้นฐานแข็งแรง ให้ Dividend Yield สูงแทน AIT (FV@B51) และ BTS (FV@B12) เด่น
[Market Outlook]
เลือก AIT เป็น Top Pick
[อ่านต่อ] ภาพรวมสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทย ยังขาดปัจจัยบวกหนุน ทำให้ SET Index ยังอยู่ในช่วงปรับฐานต่อ แนะนำเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลรัฐ ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง พร้อมจ่ายเงินปันผล เช่น AIT (FV@B 51)
เกาะกระแสเศรษฐกิจโลก
[อ่านต่อ] การเมืองดูเหมือนจะเริ่มมีความหวัง แต่ก็ยังมีผลทำให้ SET Index ผันผวนต่อ กลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นไปกลุ่มที่มีการเติบโตของกำไรไปตามเศรษฐกิจโลก HANA (FV@B 31.60) และ CPF (FV@B 33.80) เป็น Top Pick
[Market Outlook]
SET Index ปรับขึ้นยาก
[อ่านต่อ] การเมืองยังเป็นประเด็นกดดัน ทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้ยาก แต่ยังมีโอกาสเก็งกำไรจากหุ้นที่คาดกำไร 4Q56 โดดเด่น และประกาศจ่ายปันผลระดับสูง TVO (FV@B 24.50) และ TICON (FV@B 21.35) โดดเด่น
[Market Outlook]
เล็งหุ้นกำไร 4Q56 เด่น ปันผลสูง
[อ่านต่อ] คาดว่า SET Index จะอยู่ในภาวะที่ผันผวน หลังปรับขึ้นมารับข่าวดีกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แนะนำ Trading หุ้นที่มีผลกำไร4Q56 เด่นและให้ Dividend Yield สูง เลือก INTUCH (FV@B 109) และ AP (FV@B 7.10)
PER 14 เท่า เป็นแนวรับที่สำคัญ
[อ่านต่อ] ถือได้ว่าเป็นสัปดาห์แห่งการเมืองอย่างแท้จริง โดยจะมีทั้งประเด็นของ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ และการตัดสินของศาลโลกในคดี พระวิหาร คาดว่า SET Index จะถูกกดดัน โดยมีระดับ PER 14 เท่าเป็นแนวรับสำคัญ
[Market Outlook]
อาจกลับมาที่ PER 14 เท่า
[อ่านต่อ] ความร้อนแรงของการชุมนุมค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ขณะที่ SET Index อาจปรับลงจาก PER 15 เท่า สู่ 14 เท่า คงถือหุ้นในพอร์ตที่ 40% และสะสมเพิ่มเมื่อ PER ลงมาที่ 14 เท่า